วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Design Hero

ชื่อ : John Lennon (England) & Yoko Ono (Japan)
ช่วงเวลา : John Lennon เกิดและเสียชีวิต ในวันที่ 9 october 1940 - 8 december 1980 , Yoko Ono เกิด ในวันที่ 18 febuary 1933 ปัจจุบันอายุ 77 ปี
ประวัติ : john lennon และ yoko ono ได้พบเจอกันครั้งแรกที่งานนิทรรศการ exhibition ของ yoko ono ที่ Indica Gallery ใน กรุง London ประเทศ england และได้ทำความรู้จักกันต่อเรื่อยมาจนในที่สุดได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และเริ่มสร้างผลงานออกมาโดยผลงานที่เลือกเป็นงานออกแบบ graphic design ที่ชื่อว่า WAR IS OVER โดยทั้งสองร่วมกันทำในปี ค.ศ. 1969 โดย poster นี้ต้องการที่จะเป็นสารที่จะบอกคนทั่วโลกว่า

ให้ต่อต้านสงครามโดย john lennon ไปติดบน billboard และไปปรากฎตามเมืองใหญ่ต่างๆ 12 เมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา และยังถูกนำเสนอไปเป็นสื่อต่างๆอีกมากมาย ซึ่งถือว่าเป็น campaign เพื่อสันติภาพแบบครบวงจรชุดแรกของโลก

แนวความคิด : งาน design ชิ้นนี้เป็นงานที่ทั้งสองต้องการที่จะให้เกิดการรณรงค์ต่อต้านสงครามในสมัยนั้นโดยเป็นงาน graphic ง่าย มีเพียงแค่ font และน้ำหนักสีดำบนพื้นขาวเพียงเท่านั้นเองแต่ทุกอย่างกลับดูลงตัวและสมบูรณ์แบบ ในตัวของมันเอง

วิธีการนำเสนอ : นอกจากจะไปปรากฎอยู่บนแผ่น billboard แล้ว ยังไปปรากฎเป็น โปสเตอร์ การ์ด ส.ค.ส. โฆษณาในหนังสือพิมพ์ spot วิทยุ และทีวี

เหตุผลที่เลือก และวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ขอบเพราะว่า ชอบ วง the beatles เป็นการส่วนตัว และคิดว่า john lennon เป็นได้ทั้งนักดนตรี นักออกแบบ และอาจเป็นได้ถึงนักรณรงค์ต่อต้านสงคราม และรวมถึงทำงานเพื่อสังคมอีกด้วย ซึ่งในอดีต หรือในปัจจุบันไม่ค่อยมีใคร ที่มีความสามารถหรือมีอิทธิพลต่อวงการต่างๆ ได้มากขนาดนี้ และสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้อีกด้วย และรวมถึง yoko ono ด้วยที่เป็นทั้งศิลปิน และนักดนตรีด้วย ซึ่งมีความคิดเดียวกัน และทำงานร่วมกันได้ ผลงานของทั้งสอง war is over เป็นงาน design ที่เรียบง่าย และเข้าถึงผู้คนได้ดีเป็นที่สุด เพียงแค่อ่าน และเข้าใจมัน งานออกแบบนี้เป็นสื่อในการรณรงค์ให้ต่อต้านสงครามในสมัยนั้น ที่ประสบความสำเร็จมากจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้รับสาร และสังคมในสมัยนั้นรุ้สึกและตระหนักถึงหน้าที่ของตนเองว่ามีหน้าที่อย่างไรในสังคมที่อยู่ในยุคสงคราม และช่วยกันสร้างสังคมใหม่ขึ้นมาที่ปราศจากสงครามนั่นเอง




HOME

HOME

เนื้อหาของเรื่อง HOME นั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่แรกก็ชวนให้ติดตาม และให้น่าดูต่อไป เพราะเมื่อเริ่มต้นมา หนังก็นำเสนอเรื่องราวของโลกตั้งแต่ก่อนที่จะมีมนุษย์นับล้านๆปี เสนอถึงธรรมชาติที่สวยงาม และ สิ่งต่างๆที่มีความน่าสนใจซึ่งปัจจุบันนี้หาดูไม่ได้แล้ว ธรรมชาตินั้นสร้างสิ่งต่างๆ มากมายขึ้นมาบนโลกนี้ ธรรมชาติได้สร้างปาฎิหาริย์ที่น่าสนใจ สร้างเรื่องราวต่างๆขึ้นมาบนโลกนี้ เนื้อหาของโลกเริ่มต้นที่ เมื่อโลกเรานั้นมีเพียงแค่แผ่นดิน ภูเขาต่างๆ และแหล่งน้ำอีกมากมาย สิ่งต่างๆเหล่านี้ถูกธรรมชาติสร้างขึ้นมา ภูเขาไฟ ก้อนหิน ดิน ตะกอน เมื่อน้ำ ไหลรวมกันมาเรื่อยๆก็จะกลายเป้นน้ำตกที่คอยไปหล่อเลี้ยงธรรมชาติของป่าไม้

โลกเราในอดีตนั้นมีฤดูกาลที่สมบูรณ์ ทั้งฤดูร้อน หนาว ฝน แหล่งธรรมชาตินั้นต่างไหลเวียนและเป็นไปตามที่ที่มันควรจะเป็น เมื่อธรรมชาติก่อเกิดความอุดมสมบูรณ์ที่ดีแล้ว เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เสือ ช้าง ฮิปโปโปเตมัส ม้าลาย กระทิง หรือนกชนิดต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต่างหาแหล่งที่อยู่อาศัย หาที่กินอาหาร เริ่มใช้ชีวิตอย่างช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน เริ่มก่อเกิดเป็นการอาศัยแบบเป็นสังคมมากขึ้น เริ่มที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เพื่อป้องกันตัวเอง และสัตว์ชนิดอื่นๆที่จะเข้ามาทำร้าย สัตว์เหล่านี้ต่างอาศัย และพึ่งพาธรรมชาติโดยไม่ได้มีส่วนในการทำร้ายหรือ เอาเปรียบทรัพยากรทางธรรมชาติเลย

และต่อมาเมื่อเริ่มมีมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยด้วยแล้ว มนุษย์เริ่มที่จะมีการตั้งถิ่นฐาน โดยคิดว่าแหล่งที่มนุษย์ชอบอยู่ คือแหล่งที่ใกล้ลุ่มแม่น้ำ มนุษย์สามารถมีคมนาคมสัญจรผ่านแม่น้ำต่างๆได้ สามารถที่จะหาแหล่งอาหารตามแม่น้ำ และนำมาบริโภคได้ มนุษย์เริ่มที่จะเป็นผู้ปกครองเล็กๆกันเอง โดยมีการสร้างหมู่บ้าน สร้างสังคมที่อยู่อาศัยมีการรวมตัวกันทางสังคม ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมเล็กๆขึ้นมา มนุษย์เริ่มมีการเลี้ยงสัตว์ เพื่อการอยู่รอดมาเป็นอาหาร มนุษย์เริ่มรู้จักการเพาะปลูก การทำนาในพื้นที่เล็กๆ ที่มนุษย์สามารถทำได้ และมนุษย์ในสมัยนั้นรู้จักการเรียนรู้ที่จะสร้างที่พักอาศัยโดยเพียงแค่ทำจากก้อนหิน และไม้ที่อยู่ตามสถานที่ธรรมชาติในบริเวณนั้น และต่อมาเริ่มที่จะขยายที่พักอาศัยต่อไปเรื่อยๆ รวมทั้งขยายแหล่งเพาะปลูก ในการทำนา ไปในพื้นที่ที่สามารถทำได้ เช่น บนภูเขา ต่อมาเมื่อมนุษย์ได้เรียนรู้ในสิ่งต่างๆที่ผ่านมาทั้งหมด มนุษย์ได้เรียนการจุดไฟ สามารถสร้างไฟได้ และเริ่มมีการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมมากขึ้นมากมาย ระยะเวลาผ่านไปไม่นานเกินรอเมื่อมนุษย์เรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองมากขึ้น มนุษย์เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงทรัพยากรธรรมชาติ และพื้นที่ธรรมชาติเหล่านั้น สร้างเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยตึกราบ้านช่อง ตึกสูงที่เต็มไปด้วยธุรกิจต่างๆ เริ่มที่จะสร้างการคมนาคมที่สะดวกสบายมากมาย ตึกสูงต่างๆผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับเห็ดที่ผุดขึ้นมาตามต้นไม้ใหญ่ต่างๆ ตึกเหล่านี้สร้างมูลค่ามากมายให้กับเศรฐกิจของมนุษย์ จนลืมสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้กับเรา และนับวันสิ่งเหล่านั้นยิ่งเหลือน้อยและร่อยหลอลงไปเรื่อยๆ

เมื่อธุรกิจ และอุตสาหกรรมพัฒนาไปเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือ การปล่อยสิ่งที่เป็นมลพิษออกมาสู่ธรรมชาติ ออกมาเรื่อยๆ เริ่มที่จะมีการแบ่งภาวะชนชั้นของคน บางพื้นที่ยังยากจนอยู่ยังใช้ชีวิตตามธรรมชาติเหมือนเดิม แต่กับบางพวกที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชนตามที่ในสังคมต่างๆ มนุษย์เริ่มที่จะแบ่งแยกกันเอง และเริ่มที่จะนำทรัพยากรทางธรรมชาติที่ใช้เวลาสร้างมากว่าล้านๆ ปี มาใช้อย่างฟุ่มเฟือย และไม่รู้จักประหยัดในการนำมาใช้ทำให้ปัจจุบันนี้ ภูเขาไม่เหลือป่าไม้ ของเสียถูกปล่อยลงในแม่น้ำต่างๆ มีการระเบิดภูเขามากมาย สัตว์ต่างๆไม่มีที่อยู่อาศัย แหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์ในธรรมชาติเริ่มน้อยลง และมนุษย์ต้องอยู่กับสิ่งที่ตนเองทำลาย และธรรมชาติเหล่านั้นจะก่อเกิดเป็นภัยธรรมชาติที่จะย้อนกลับมาทำลายมนาย์ซึ่งมัวแต่ขวนขวาย หาความเจริญทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ จนลืมสิ่งที่ธรรมชาติให้มาซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ขวนขวายมากสุดนั่นเอง จนสามารถพูดได้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่ประเสริฐที่สุด และก็เป็นสัตว์ที่ทำร้ายโลกได้มากที่สุดนั่นเอง

วิธีการนำเสนอ และภาพต่างๆ เน้นภาพที่ชัด ความละเอียดสูง ภาพแต่ละภาพสื่อถึงธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิม เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมสูง เน้นลักษณะเหมือนภาพ bird eye view เป็นภาพที่ดูมีพลังอยู่ในตัวภาพ ดูแล้วรู้สึกได้ว่าภาพๆนั้นส่งผลถึงความรู้สึกของผู้ดู ดูแล้วทำให้นึกเสียที่ในอนาคตอาจจะไม่ได้เห็นอีก ภาพแต่ละภาพล้วนเป็นภาพที่มหัศจรรย์ และน่าทึ่งสื่อสารให้เข้าใจว่าเมื่อก่อนโลกเราสมบูรณ์ขนาดไหน สวยงามขนาดไหน น่าอยู่มากกว่าสังคมในสมัยนี้มากขนาดไหน

สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ อย่างแรกเลยคงพูดไม่ได้ว่า ภาพแต่ละภาพที่อยู่ในหนังเรื่องนี้นั้น สวยงามมาก เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ละภาพรู้สึกอยากที่จะเข้าไปอยู่ในที่ที่นั้นจริงๆ และอีกอย่างที่ชอบ คือ เพลงประกอบ ซึ่งต้องบอกว่าแต่ช่วงทำนองนั้นเพราะใช้ได้เลย ฟังแล้วดูกลมกลืนไปกับภาพประกอบด้วย แต่ก็มีบางเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกง่วงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้ รู้สึกว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์ที่ดีที่สุด และก็แย่สุดในเวลาเดียวกัน แต่ก็ทำให้ตระหนักได้ว่าเราจะต้องรีบรักษาโลกของเรา และช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้กลับไปมีความสวยงามเหมือนเช่นในอดีตเหมือนในหนังช่วงแรกๆ

Keywords
1. ปาฎิหาริย์
2. น้ำ
3. พืช
4. เครื่องยนต์แห่งชีวิต
5. ความเปลี่ยนแปลง
6. ความเจริญ
7. การเอาเปรียบ
8. การย้ายถิ่นฐาน
9. วัฒนธรรม
10. มนุษย์ (สัตว์ประเสริฐ)






วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553